การประเมินประสิทธิภาพการบริหารจัดการพื้นที่ในพื้นที่ชุ่มน้ำของไทย ยังไม่มีการดำเนินการมาก่อน อย่างไรก็ตาม
ได้มีความพยายามที่จะหาแนวทางการประเมินประสิทธิภาพการบริหารจัดการพื้นที่ในพื้นที่ชุ่มน้ำซึ่งเสนอโดยประเทศไทยและสาธารณรัฐเกาหลี เรียกว่า “เครื่องมือในการประเมินประสิทธิภาพการจัดการพื้นที่
Ramsar Sites (Ramsar site Management Effectiveness Tracking Tool หรือ R-METT)” ในรายงานสรุปผลการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยพื้นที่ชุ่มน้ำ สมัยที่ ๑๒ข้อ 4.5
การประเมินประสิทธิภาพการจัดการและการอนุรักษ์Ramsar sites เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการจัดการแรมซาร์ไซต์ ในการวางแผนแบบบูรณาการการจัดการ
และระบบการประเมินเพื่อส่งเสริมให้เกิดการใช้ประโยชน์อย่างชาญฉลาด สอดคล้องกับเป้าหมายของแผนกลยุทธ์อนุสัญญา 2016-2024 ได้พิจารณาและให้การรับรองเครื่องมือในการประเมินประสิทธิภาพการจัดการพื้นที่
Ramsar Sites (Ramsar site Management Effectiveness Tracking Tool หรือ R-METT) ซึ่งภาคีอนุสัญญาฯ สามารถนำไปประยุกต์ใช้หรือดำเนินการโดยความสมัครใจ
รวมถึงพิจารณานำไปใช้ประกอบการจัดทำรายงานแห่งชาติรวมถึงการรายงานสถานภาพของพื้นที่ Ramsar sitesของประเทศต่อไป ซึ่งสาระสำคัญของเครื่องมือติดตามประสิทธิภาพการบริหารจัดการแรมซาร์ไซต์(R-METT) สรุป ดังนี้
(1) ชุดคำถามสำหรับหน่วยจัดการ เครื่องมือ METT มีการใช้งานในหลากหลายองค์กรขึ้นอยู่การสถานการณ์ของประเทศหรือภูมิภาคประกอบด้วยชุดคำถามสำหรับ
หน่วยจัดการโดยไม่จำเป็นต้องใช้ข้อมูลศึกษาวิจัยเพิ่มเติม โดยปกติแล้ว METT ควรตอบโดยกลุ่มผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการบริหารจัดการหรือผู้ที่ให้ความสนใจในการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์พื้นที่ชุ่มน้ำ
(2) ข้อมูลการประเมินประสิทธิภาพการบริหารจัดการ METT สำหรับแรมซาร์ไซต์ หรือ R-METT ประกอบด้วยส่วนต่างๆ ดังนี้
• Data Sheet 1a: ข้อมูลทั่วไปของแรมซาร์ไซต์เป็นการเก็บข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับแรมซาร์ไซต์ เช่น ชื่อ ขนาด ที่ตั้ง
• Data Sheet 1b: การจำแนกระบุและอธิบายคุณค่าจากคำบรรยายลักษณะทางนิเวศ และ Ramsar Information Sheet เป็นการให้ข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะทาง
นิเวศของแรมซาร์ไซต์ รวมทั้งการบริการของระบบนิเวศจากพื้นที่แรมซาร์ไซต์ และหลักเกณฑ์ที่ทำให้พื้นที่นั้นๆ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแรมซาร์ไซต์
• Data Sheet 2: การเสนอเป็นพื้นที่สำคัญในระดับชาติและนานาชาติ เป็นการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับการเสนอเป็นพื้นที่สำคัญในระดับนานาชาติ: ได้แก่ พื้นที่มรดกโลก
ของ UNESCO พื้นที่มนุษย์และชีวมณฑล (Biosphere Reserve) และแรมซาร์ไซต์(Ramsar Site)
• Data Sheet 3: ภัยคุกคามต่อแรมซาร์ไซต์เป็นการระบุภัยคุกคามที่สามารถเกิดขึ้นกับแรมซาร์ไซต์
• Data Sheet 4: แบบฟอร์มการประเมิน เป็นตารางการประเมินที่ประกอบด้วยคำถาม 33 ข้อ
• Data Sheet 5: แนวโน้มของลักษณะทางนิเวศของแรมซาร์ไซต์ (รวมทั้งการบริการของระบบนิเวศและประโยชน์ของชุมชน)4เป็นการระบุข้อมูลเกี่ยวกับแนวโน้ม
ของลักษณะทางนิเวศของแรมซาร์ไซต์ในระยะ 5 ปีที่ผ่านมา รวมทั้งการบริการของระบบนิเวศที่แรมซาร์ไซต์มอบให้ และหลักเกณฑ์ที่ทำให้พื้นที่นั้นๆ ได้รับการแต่งตั้งเป็นแรมซาร์ไซต์
(3) Data Sheet Data Sheet1 ถึง 4 พัฒนามาจาก METT1แต่ Data Sheet 5 พัฒนามาจากการประเมินการอนุรักษ์ของ IUCN4สำหรับพื้นที่มรดกโลก ซึ่ง Data Sheet1 ถึง 4 จะมุ่งเน้นที่บริบท (Context)การวางแผน (Planning) ข้อมูล (Data) กระบวนการ (Precess) และผลลัพธ์ (Outcome)ของกระบวนการของประสิทธิภาพการบริหารจัดการ Data Sheet มุ่งเน้นที่ผลผลิต
(4) การประเมินประสิทธิภาพการบริหารจัดการ ภาคีอนุสัญญาแรมซาร์ได้รับการเชื้อเชิญให้ใช้ R-METT เพื่อทำการประเมินประสิทธิภาพการบริหารจัดการของพื้นที่
ชุ่มน้ำโดยความสมัครใจ หากยังไม่ได้นำ PAME มาใช้
ตัวชี้วัดที่ใช้ในการประเมินประสิทธิภาพการบริหารจัดการพื้นที่ชุ่มน้ำ
แบ่งการประเมินออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่
(1) การประเมินการคุกคามของแรมซาร์ไซต์
เป็นการประเมินการคุกคามที่เกิดขึ้นจากการพัฒนา และ/หรือการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยใช้แบบฟอร์มภัยคุกคามที่ทำลายคุณค่าพื้นที่ แบ่งออกเป็น ระดับสูง ระดับกลาง ระดับต่ำ หรือไม่มีความเกี่ยวข้องกับภัยคุกคามที่ทำลายคุณค่าพื้นที่
ภัยคุกคามระดับสูง หมายถึง ภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อแรมซาร์ไซต์
ภัยคุกคามระดับปานกลาง หมายถึงภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบด้านลบติ่มแรมซาร์ไซต์บางด้าน
ภัยคุกคามระดับต่ำ หมายถึงภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นแต่ไม่ส่งผลกระทบต่อแรมซาร์ไซต์มากนัก
ไม่มีภัยคุกคาม หมายถึงไม่มีภัยคุกคามนั้นในแรมซาร์ไซต์
โดยประเด็นที่ใช้ในการประเมินการคุกคามแบ่งออกเป็น 12 ประเด็น ดังต่อไปนี้
• การพัฒนาที่อยู่อาศัยและการค้า
• เกษตรกรรมและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
• การผลิตพลังงานและการทำเหมืองแร่
• การขนส่งและการคมนาคม
• การใช้และทำลายทรัพยากรชีวภาพ
• การบุกรุกและการรบกวนโดยมนุษย์
• การเปลี่ยนแปลงระบบทางธรรมชาติ
• การรุกรานและแพร่กระจายของชนิดพันธุ์ต่างถิ่น
• มลภาวะที่นำเข้ามาและถูกสร้างขึ้น
• เหตุการณ์ทางธรณีวิทยา
• การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสภาพอากาศที่แปรปรวนรุนแรง
• การคุกคามทางวัฒนธรรมและสังคม
(2) การประเมินการจัดการพื้นที่
เป็นการประเมินโดยใช้แบบฟอร์มที่มีการให้คะแนนเป็น 4 ระดับ จาก 0 ถึง 3 คะแนน เพื่อให้ผู้ตอบสามารถเลือกตอบตามสถานการณ์ว่าจะยอมรับได้หรือไม่ โดย
0 คะแนน หมายถึง งานที่เกี่ยวข้องไม่มีความก้าวหน้า
1 คะแนน หมายถึงงานที่เกี่ยวข้องมีความก้าวหน้าบ้าง
2 คะแนน หมายถึงงานที่เกี่ยวข้องมีความก้าวหน้าค่อนข้างดี สามารถปรับปรุงได้
3 คะแนน หมายถึงงานที่เกี่ยวข้องมีความก้าวหน้าดีมาก
และมีคะแนนเพิ่มเติม 1 คะแนนบางรายการการประเมิน โดยตัวชี้วัดสามารถแบ่งออกได้จำนวน 5 กลุ่ม โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
กลุ่มที่ 1 ตัวชี้วัดที่เป็นบริบทของแรมซาร์ไซต์(Context) ได้แก่ สถานภาพทางกฎหมายว่าแรมซาร์ไซต์ได้รับการประกาศอย่างเป็นทางการและมีผลผูกพันทาง
กฎหมายหรือไม่
กลุ่มที่ 2 ตัวชี้วัดด้านการวางแผน (Planning)
• กฎระเบียบสำหรับแรมซาร์ไซต์
• วัตถุประสงค์ของแรมซาร์ไซต์
• การออกแบบแรมซาร์ไซต์
• แผนการบริหารจัดการ
• การวางแผนที่ดินสำหรับอนุรักษ์ที่อยู่อาศัย
• การวางแผนสำหรับการใช้ที่ดินและน้ำ
• การวางแผนที่ดินสำหรับอนุรักษ์ระบบนิเวศ
• ความร่วมมือกับชุมชนในพื้นที่
กลุ่มที่ 3 ตัวชี้วัดด้านปัจจัยนำเข้ากระบวนการบริหารจัดการ (Input)
• การบังคับใช้กฎหมาย
• ทะเบียนทรัพยากร
• จำนวนเจ้าหน้าที่
• งบประมาณในปัจจุบัน
• ความมั่นคงของงบประมาณ
• เครื่องมือสำหรับการจัดการ
• การเก็บค่าธรรมเนียมเข้าชมหรือค่าปรับ
กลุ่มที่ 4 ตัวชี้วัดด้านกระบวนการบริหารจัดการ (Process)
• การกำหนดขอบเขตของแรมซาร์ไซต์
• กระบวนการวางแผน
• ระบบความคุ้มครอง
• การมีการวิจัย
• การบริหารถิ่นที่อยู่อาศัย
• การฝึกอบรมเจ้าหน้าที่
• การบริหารจัดการงบประมาณ
• การดูแลรักษาเครื่องมือ
• การให้การศึกษา
• ประโยชน์ของชุมชนที่ได้จากพื้นที่
• การมีส่วนร่วมในการตัดสินใจของท้องถิ่น
• การสื่อสาร
• การสนับสนุนจากท้องถิ่น
• การติดตามประเมินผลการบริหารจัดการ
• การสนับสนุนจากธุรกิจท่องเที่ยว
• การนำค่าธรรมเนียมหรือค่าปรับไปช่วยเหลือพื้นที่โดยรอบ
กลุ่มที่ 5 ตัวชี้วัดด้านผลผลิต และผลลัพธ์ (Outcome)
• การมีแผนงาน
• ประสิทธิภาพของระบบความคุ้มครอง
• ประโยชน์ทางเศรษฐกิจกับชุมชน
• สิ่งอำนวยประโยชน์สำหรับผู้เข้าเยี่ยมชม และความพอเพียง
• สภาพเสื่อมโทรมของคุณค่าความหลากหลายทางชีวภาพ
• คุณค่าทางนิเวศ หรือคุณค่าทางวัฒนธรรม
• คำบรรยายลักษณะทางนิเวศ
• คณะกรรมการบริหารจัดการสหสาขา
• กลไกการสื่อสารกับกับหน่วยงานอื่นๆ
(3) การประเมินแนวโน้มระบบนิเวศและประโยชน์ที่ชุมชนจะได้รับ
เป็นการนำข้อมูลจากตัวชี้วัดเพื่อประเมินและวิเคราะห์แนวโน้ม โดยผลการประเมินสามารถแบ่งออกได้เป็น 5 กลุ่มคือ ดี ต้องได้รับการดูแลจำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างสูง อยู่ในภาวะวิกฤต หรือข้อมูลไม่เพียงพอสำหรับการประเมิน และส่วนของการวิเคราะห์แนวโน้มสามารถแบ่งออกได้เป็น 4
กลุ่มคือมีแนวโน้มดีขึ้น คงที่ ปัญหาทวีความรุนแรงมากขึ้น หรือมีข้อมูลไม่เพียงพอในการประเมิน นำไปสู่การวางแผนและพัฒนากระบวนการต่อไป
รูปที่ 2-7 กลุ่มตัวชี้วัดกระบวนการในการบริหารจัดการ